“ชาติ” คืออะไร? เมื่อประวัติศาสตร์ไม่ได้มีแค่ “เขา” กับ “เรา”
เมื่อคนไทยและคนกัมพูชาทะเลาะกันด้วยเรื่องราวในอดีต เรามักหยิบยกประวัติศาสตร์ของตนเองมาอ้างว่าอีกฝ่ายเป็นผู้กระทำผิด บางครั้งความขัดแย้งลุกลามถึงขั้นหลงลืมไปว่าเราคือเพื่อนบ้านที่มีรากทางวัฒนธรรมใกล้ชิดกันมาแต่อดีต
หากถอยออกมาจากมุมมองของอารมณ์ แล้วพิจารณาอย่างมีวิจารณญาณ อาจทำให้เราเห็นว่าแนวคิดเรื่อง “ชาติ” ที่เรายึดถือกันอยู่นั้น แท้จริงแล้วเป็นแนวคิดที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาไม่นานนักในประวัติศาสตร์มนุษย์
“ชาติ” ไม่ใช่สิ่งนิรันดร์ แต่เป็นสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น
ในประวัติศาสตร์ของโลก แนวคิดเรื่อง “รัฐชาติ” ที่มีพรมแดนชัดเจน ประชาชนสังกัดประเทศเดียว และต้องจงรักภักดีต่อชาติเป็นสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น และไทยกับกัมพูชาถือเป็นประเทศใหม่ มีอายุไม่ถึง 200 ปีด้วยซ้ำ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้
ดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกปกครองในรูปแบบของอาณาจักรหรือแคว้นต่างๆ ที่อิทธิพลขึ้นลงได้ตามยุคสมัย
ความภักดีของผู้คนในอดีตไม่ได้อยู่ที่ “ชาติ” ซึ่งเป็นนามธรรม แต่ผูกพันกับชุมชน ศาสนา และผู้ปกครองท้องถิ่นมากกว่า แนวคิดเรื่อง “ชาติ” ที่เรารู้จักในปัจจุบันจึงไม่ได้มีอยู่มาโดยธรรมชาติ หากแต่เป็นผลผลิตทางการเมืองในยุคล่าอาณานิคม
การสร้างชาติผ่านประวัติศาสตร์
เมื่อโลกเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำเป็นต้องสร้างความเป็นหนึ่งเดียวภายในประเทศของตนเอง เพื่อปกป้องตนจากการรุกรานจากภายนอก รัฐบาลจึงมีบทบาทในการสร้างประวัติศาสตร์ชาติ ซึ่งมักมาพร้อมกับ “ศัตรูร่วม” เพื่อให้ประชาชนรู้สึกถึงความเป็นพวกเดียวกัน
นั่นคือเหตุผลที่เรื่องราวความขัดแย้งในอดีตถูกขับเน้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ความร่วมมือและสายสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในภูมิภาคนี้กลับถูกลดทอนลง ทั้งที่ในความเป็นจริง อดีตของเราไม่ได้มีเพียงแค่สงคราม หากยังเต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การแต่งงานข้ามชาติพันธุ์ และความเป็นเครือญาติที่ซับซ้อน
“ชาติ” อาจเปลี่ยน แต่ “ความเป็นมนุษย์” ยังเหมือนเดิม
เมื่อเราพูดถึง “ชาติ” เรากำลังพูดถึงสิ่งที่มีพลังทางความรู้สึกสูง แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ควรถามตัวเองว่า เรากำลังปกป้องสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อไม่กี่ศตวรรษ หรือเรากำลังลืมมองความเป็นมนุษย์ของกันและกัน