รีวิว ผีใช้ได้ค่ะ : เสียงร้องโหยหวนจากกลุ่มคนที่ไม่มีใครแคร์
เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่โรงภาพยนตร์ เราต่างคาดหวังสิ่งใด?
คำตอบอาจขึ้นอยู่กับแนวทางของหนังเรื่องนั้นๆ เราโหยหาความสยองขวัญจากหนังผี หรือปรารถนาความอิ่มเอมใจจากหนังรัก แต่สำหรับ “ผีใช้ได้ค่ะ” ลองวาดภาพตามสักนิด: คนตายหวนกลับมาหาคนรักด้วยการเข้าสิงเครื่องดูดฝุ่น นำไปสู่ฉากประหลาดที่ตัวละครมีเพศสัมพันธ์กับเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือฉากที่ “ผีสิงตู้เย็น” กำลังเกรี้ยวกราดต่อว่า “ผีเครื่องดูดฝุ่น” ที่เข้ามายุ่มย่ามในชีวิตส่วนตัว... เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คุณบอกได้หรือยังว่านี่คือภาพยนตร์ประเภทไหน และเราควรจะคาดหวังอะไรจากมัน?
“ผีใช้ได้ค่ะ” (A Useful Ghost) เป็นผลงานกำกับและเขียนบทโดย รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค นำแสดงโดย ดาวิกา โฮร์เน่, วิศรุต หิมรัตน์, อาภาศิริ นิติพน, และวัลลภ รุ่งกำจัด ตัวหนังเล่าเรื่องราวของ “มาร์ช” ชายหนุ่มที่ยังเศร้าโศกกับการจากไปของ “แนท” ภรรยา แต่แล้วเขาก็ได้พบว่าวิญญาณของเธอกลับมาสิงอยู่ในเครื่องดูดฝุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้ารางวัลใหญ่ Grand Prize จากสายการประกวด Critics' Week ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ปี 2025 มาครอง
แม้โครงสร้างของหนังจะดูเหมือนมีครบทั้งสามองค์ตามแบบฉบับภาพยนตร์ทั่วไป แต่ละองค์กลับนำเสนอเรื่องราวและอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ราวกับกำลังบอกเล่าชีวิตของคนสามกลุ่มที่มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ “ทำอย่างไรก็ได้ ไม่ให้คนที่เรารักลืมเรา”
หนังเรื่องนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเพื่อความบันเทิงในฐานะหนังตลก ชีวิต หรือแฟนตาซี แต่มันเปิดหน้าเสียดสีสถาบันชนชั้นนำของไทยอย่างไม่เกรงกลัว สำหรับใครก็ตามที่ติดตามการเมืองไทยนับตั้งแต่หลังปี 2549 เป็นต้นมา จะเข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และจะดำดิ่งไปกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างสุดหัวใจ
ความสมบูรณ์แบบของหนังอยู่ที่วิสัยทัศน์ของผู้กำกับ ต้องขอชื่นชมจากใจจริงว่า การสร้างโลกใบใหม่ที่ทุกสิ่งดูแปลกประหลาดไปหมดนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ การจะสื่อสารจินตนาการในหัวให้ทีมงานและนักแสดงเข้าใจตรงกันได้นั้น ต้องใช้ความอดทนอย่างมหาศาล และเชื่อว่าทีมงานเองก็คงมีคำถามในใจเช่นกันว่า
“ผู้กำกับต้องการอะไรคะ?”
หนังเต็มไปด้วยฉากที่ย้อนแย้งกับความจริงจนน่าทึ่ง เช่น การมีพนักงานขายเครื่องดูดฝุ่นเป็นชาวแอฟริกันผิวดำ หรือภาพความฝันของตัวละครที่ถูกนำเสนอแตกต่างกันอย่างมีนัยยะ ความฝันของพระเอกถูกตีกรอบราวกับภาพจากกล้องฟิล์ม ให้ความรู้สึกเหมือนความทรงจำในอดีตที่เลือนลาง แต่ในทางกลับกัน ภาพฝันของผู้ชุมนุมปี 2553 กลับสมจริงและคมชัด หยาดน้ำตาที่ไหลรินจากดวงตาของเด็กหญิงคนหนึ่งสร้างความเจ็บปวดและตอกย้ำคำถามในใจเราว่า
“ทำไม... พวกเขาถึงใจร้ายกับเราได้ถึงเพียงนี้?”
ยิ่งไปกว่านั้น หนังยังวิพากษ์กลุ่มคนจีนอพยพที่เพิ่งเข้ามาอาศัย แต่กลับอ้างว่านี่คือแผ่นดินของตนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ทั้งที่ความจริงแล้วแผ่นดินที่เราเหยียบยืนอยู่นี้ยังใหม่นัก ประวัติศาสตร์ของเราไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนโลกตะวันตก เราจึงต้องสร้างหลักสูตรให้คนเกลียดชังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเร่งสร้างความเป็นชาติให้สมบูรณ์แบบ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนในชาติเองกลับถูกเข่นฆ่าโดย ‘ผู้มีอำนาจบารมี’ ที่มีปัญหาทางการมองเห็น และที่น่าเศร้าที่สุด คือเราพร้อมจะลืมคนเหล่านี้ คนที่ถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรมในปี 2553 หนังเล่าประเด็นนี้อย่างตรงไปตรงมาผ่านฉากที่น่าตกใจหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพระที่มาขัดขวางไม่ให้เครื่องดูดฝุ่นเข้าบ้าน หรือฉากการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกนำเสนออย่างเปิดเผยราวกับเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมันก็คือเรื่องปกติจริงๆ ที่สะท้อนให้เห็นว่าสถาบันศาสนาในบ้านเรากำลังเข้าขั้นวิกฤต ศรัทธาที่ถดถอยลงไม่ได้มาจากผู้คน แต่มาจากตัวผู้นำศาสนาที่เสื่อมทรามเสียเอง
การแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นักแสดงทุกคนถูกท้าทายด้วยการกำกับที่แสนจะหิน เข้าใจได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความสับสน ซึ่งหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะงงไปกับผมด้วย แต่ขอให้คุณได้ไปดูเถอะ แล้วคุณจะเข้าใจทุกอย่าง นักแสดงทุกคนเล่นดีมากๆ ขอย้ำอีกครั้งว่า “มากๆ” การจะถ่ายทอดภาพในหัวของผู้กำกับให้ออกมาสมบูรณ์นั้น คือสิ่งที่ยากที่สุดเท่าที่หนังไทยเรื่องหนึ่งเคยทำมา มันทำให้เราหวนนึกถึงผลงานในอดีตอย่าง “หมานคร” และอยากให้นักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ได้รับการยกย่อง ไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้ เจ้านาย รัฐมนตรี หรือแม้แต่นักแสดงประกอบ ทุกคนต่างทุ่มเทสุดตัวจนน่าสรรเสริญ
สุดท้ายแล้ว หนังเรื่องนี้ดีหรือไม่ อาจไม่มีคำตอบที่ตายตัว แต่สำหรับคนคนหนึ่งที่ติดตามการเมืองและสภาพสังคมมาโดยตลอด สำหรับคนที่เป็นส่วนหนึ่งของคนชายขอบและเรียกร้องความเป็นธรรมเสมอมา ผมภูมิใจที่ครั้งหนึ่งเคยถูกชนชั้นนำตราหน้าว่าเป็น “อีควายแดง” หรือ “อีพวกโง่” ทั้งที่หัวใจหลักของสิ่งที่เราต้องการนั้นเรียบง่ายเหลือเกิน นั่นคือการเห็นคุณค่าในความเป็นมนุษย์ การเคารพทุกเสียงที่ถูกเลือกตั้งมา และการไม่ลืมทุกชีวิตที่จากไป
แน่นอน... เราจะไม่มีวันลืม ไม่มีทางลืมผู้คนที่ต่อสู้เหล่านั้น สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเศร้าใจคือ เมื่อดูหนังเรื่องนี้จบแล้วหันกลับมามองตัวเอง ก็อดกลัวไม่ได้ว่าวันหนึ่งจะมีคนลืมเราไปเช่นกัน เพราะหากวัดตามมาตรฐานสังคม ผมก็จัดอยู่ในกลุ่มคนชั้นต่ำที่ไร้อำนาจและสิทธิ์เสียง แถมยังถูกตอกย้ำทุกวันด้วยคำด่าทอสารพัด แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ต้องยอมรับและบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ถ้าไม่มีใครห่วงใยในวันที่เราพ่ายแพ้ เราก็ต้องปลอบใจตัวเองให้เป็น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทำให้ผมจดจำ ทำให้ผมได้ระลึกถึงเรื่องราวการต่อสู้ของผู้คนในอดีต
และแน่นอน ผมจะไม่มีวัน ไม่มีทางลืมภาพยนตร์เรื่องนี้
ขอบคุณที่สร้าง ขอบคุณที่ทำ ขอบคุณที่เขียนบท…
และสุดท้ายคือ “ขอบคุณที่แคร์”
FAQ
Q1: ผีใช้ได้ค่ะ คือหนังแนวไหน?
A1: เป็นหนังผี–แฟนตาซี–ตลกร้าย ที่ผสมการเมืองไทย ศาสนา และความทรงจำปี 2553 เข้าด้วยกันอย่างแหลมคม
Q2: ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงดังในระดับโลก?
A2: เพราะคว้ารางวัล Grand Prize จาก Critics’ Week ที่คานส์ 2025 และยังเป็นตัวแทนไทยไปชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม
Q3: หนังสะท้อนอะไรเกี่ยวกับสังคมไทย?
A3: หนังวิจารณ์การเมือง ศาสนา ความทรงจำทางสังคม และเสียงของคนชายขอบที่ถูกทำให้เงียบอย่างไม่กลัวแรงเสียดทาน
Q4: นักแสดงเล่นสมจริงไหม?
A4: ทุกคนทุ่มสุดตัว ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ผู้กำกับได้อย่างลึกซึ้งจนทำให้คนดูเจ็บปวดและประทับใจพร้อมกัน
Q5: ทำไมคนดูถึงพูดถึงฉากเครื่องดูดฝุ่น?
A5: เพราะมันเหนือจริงแต่มีนัยยะทางสังคมลึกซึ้ง แถมยังทำให้หนังถูกจดจำไม่เหมือนใครในปี 2025