Jurassic World Rebirth - ความพังของตำนานที่เคยยิ่งใหญ่
หนีไดโนเสาร์ด้วยเรือยาง ฮัลโหลลลลล
รีวิวแบบไม่อ้อมค้อม ฉบับคนรักภาคแรกแต่ขอแบนภาคนี้จนกว่าจะตาย
เพิ่งดูจบแบบสด ๆ ร้อน ๆ แล้วขอพูดตรงนี้เลยว่า นี่คือประสบการณ์ดูหนังที่บั่นทอนศรัทธาในแฟรนไชส์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แก เราโตมากับ Jurassic Park มันคือหนังที่ทำอยากให้เราเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ในปัจจุบันนี้ Jurassic Park คือเวทมนตร์แห่งยุค มันทำให้เด็กคนนึงอย่างเราเคยร้องให้ นั่งอ้าปากค้างกับไดโนเสาร์ที่ดู “มีชีวิต” จริง ๆ แต่มาถึงภาคล่าสุด… เอาไงดี… จำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง จบเรื่องแล้วมันรู้สึกว่าเปล่า
พล็อตที่หลงทางแบบไม่มี GPS - คือเข้าใจนะว่าเล่าเรื่องไดโนเสาร์มา 6 ภาคแล้ว มันจะตันบ้างอะไรบ้าง แต่ภาคนี้คือไม่ใช่แค่ตัน มันไม่รู้จะไปทางไหน มันพยายามแถ แถจนถลอก ประเด็นการใส่เนื้อหาเรื่อง “ตามหายารักษาโรค” เข้าไปในโลกไดโนเสาร์… ฟังดูอนาคอนด้าภาคสองมั้ย? เพราะนั่นแหละ vibe ที่ได้
รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง รู้สึกว่าคนสร้างหนังเรื่องนี้เอาไดโนเสาร์มาเป็นพร็อพไล่คนเฉย ๆ มีแต่ฉากคนวิ่งหนี ตัดภาพไปมา บทพูดที่พยายามทำให้ดูซีเรียสแต่ฟังแล้วอยากกลอกตา
ตัวละครคือคนแปลกหน้า ไม่มีใครน่าเอาใจช่วย - ภาคก่อน ๆ อย่างน้อยยังมีตัวละครเก่า ๆ โผล่มาให้เราหวนนึกถึงวันเก่า ๆ แต่นี่คือใครก็ไม่รู้ยกเซ็ต บอกเลยว่า เราไม่อิน ไม่แคร์ ไม่รู้จะเอาใจช่วยใครตรงไหน คนพวกนี้ไม่ได้ถูกปูให้เรารู้จักหรือเข้าใจอะไรก่อนเลย อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาแบบ “เฮ้! ฉันเป็นตัวละครหลักนะ!” แล้วแบบ… แล้วยังไงเหรอคะ? มีอยู่ซีนนึงที่พระเอกเห็นไดโนเสาร์คอยาวแล้วก็ตื่นเต้น ดีใจ แล้วเราก็อยากตะโกนออกมาในโรงหนังว่า กูเห็นมาแล้วหมดแล้วของพวกนี้ มึงตื่นเต้นอะไร บ้าหรือเปล่า โอ้ยยยย backstory แต่ละคนก็ไม่มีมิติ ไม่มีความผูกพัน ไม่ใช่เพราะนักแสดงเล่นไม่ดีนะ แต่มันเพราะบทมันว่างเปล่าเกินกว่าจะรู้สึกอะไรได้เลย และความพีคคือ หนังทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าพวกแกจะตายก็เชิญเลยจ้า ไม่อิน ไม่สน ไม่เสียน้ำตา เราอยากตะโกนบอกไดโนเสาร์ว่า Just kill em all, Girls Bye! I don’t care.
ทุกอย่างดูแปะ ๆ มั่ว ๆ ไปหมด - พล็อตครอบครัวที่ถูกยัดเข้ามาแบบงง ๆ ทำให้หนังเหมือนโดนแปะโพสต์อิทคนละแผ่นจากคนละห้องนักเขียน แล้วจับมายำรวมกันให้จบภายในสองชั่วโมง ภาคนี้เอา emotional storyline มาแต่ลืมใส่ emotion มาด้วย ผีมาก
เพลงประกอบใช้จนไร้มนต์ขลัง - ธีมของ Jurassic Park เป็นหนึ่งในซาวด์แทร็กที่อมตะที่สุดในโลกภาพยนตร์ แต่พอเอามาเปิดพร่ำเพรื่อในภาคนี้ เหมือนโดนลากไปเปิดในห้างแล้วไม่มีความขลังเหลืออยู่เลย มันทำลายความทรงจำเดิม ๆ ที่เคยดีมาก ๆ ของเราไปหมด มึงอยากเป็น All I want for Christmas is you เหรอ?
แล้วซีนจำ (Scene A) ล่ะ? …ไม่มีเลยจ้า None like Zero,
ถ้าให้พูดถึงซีนที่ติดตา:
• ภาค 1: เด็กซ่อนในครัว / T-Rex บุกกลางฝน
• ภาค 2: รถตกหน้าผา / แรพเตอร์โจมตีในโพรงหญ้า
• ภาค 3: เครื่องบินตกกลางป่า / เสียงโทรศัพท์ดังจากท้องไดโนเสาร์
• ภาค 4: หลานขับลูกบอลหนีไดโนเสาร์/ นางเอกใส่ส้นสูงวิ่งหนี T-Rex
• ภาค 5: ภูเขาไฟระเบิดกลางเกาะ/ ไดโนเสาร์วิ่งจ้าละหวั่น
• ภาค 6: Raptor ซิ่งล่าแบบฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส/ นางเอกดำลงไปในหนองบึงเพื่อหนีไดโนเสาร์
แต่ภาคนี้… ไม่มีซีนไหนเลยที่ทำให้เราร้อง “ว้าว!” ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ และที่สำคัญ ไม่มีอะไรให้ “รู้สึก” ถึงเลย
สรุปแบบคนเจ็บ - นี่ไม่ใช่แค่ภาคที่แย่ที่สุดของ Jurassic Park แต่มันคือ หนังที่ทำลายความทรงจำในวัยเด็กของเราไปดื้อ ๆ มันควรเป็นหนังอีกเรื่อง มันลบความคลาสสิกออกไปจากจักรวาล มันใช้ทุกอย่างแบบรีบ ๆ ง่าย ๆ เหมือนทำไปให้จบ ๆ โดยลืมไปว่าแฟน ๆ ทั่วโลกไม่ได้ดูเพราะไดโนเสาร์เท่านั้น แต่ดูเพราะเรารู้สึกผูกพันกับโลกของ Jurassic