เป็นผู้กำกับได้ แต่โง่ไม่ได้ค่ะ

นี่คือความเห็นส่วนตัวที่เราตัดสินใจจะเปิดเผยต่อสาธารณะ และทุกคนมีสิทธิ์ด่าหรือพิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นของเราได้อย่างเสรี แต่เราจะบอกตรงนี้ว่า คุณสมบัติของมนุษย์ที่อยู่ในระบบประชาธิปไตย

โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน เราต่างมีสื่อเป็นของตัวเองที่สามารถแบ่งปัน แชร์ เล่าเรื่องเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน และสามารถเป็นความบันเทิงให้กับมนุษย์อีกกลุ่มที่เสพงานเราอยู่ ตามอ่านบทความของเรา และเขาเหล่านั้นมีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วย มีสิทธิ์ด่า มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ เพราะมึงเลือกที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว นี่คือพื้นฐานปกติ (Basic, Simple, Normal) ของระบบการปกครองแบบ “ประชาธิปไตย”

ในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เราเห็นข่าวว่า “ผู้กำกับภาพยนตร์” หรือ “ผู้กำกับซีรีส์” หรือผู้สร้างสรรค์ผลงานบางคนไปฟ้องเพจวิจารณ์หนัง ฟ้องคนดูที่ออกมาให้ความเห็น เนื่องจาก มึง! อีผู้กำกับท่านนั้นรู้สึกอ่อนไหว (Stupid Sensitive to Criticism Syndrome) ต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยอ้างว่า


“มันเกินไปรึเปล่า ทีมงานทุกคนตั้งใจ”


คำถามคือ… มันมีเหรอคนที่ได้โอกาสทำหนังแล้วจะทำออกมาแบบลวกๆ? ทุกคนแม่งตั้งใจกันหมด แต่มึงต่างหากที่โง่ เล่าเรื่องไม่เป็น ขอขีดเส้นใต้คำว่า “เกินไป” หรือ “เกินขอบเขต” ที่มึงใช้อ้าง มึงเอาไม้บรรทัดเหี้ยอะไรมาวัดว่าแรงไปแค่ไหน

ความแรงขอบเขตอยู่ตรงไหน?

เราก็เป็นผู้กำกับเหมือนกัน และเรารู้ดีว่าเมื่อหนังมันปล่อยออกไปสู่สาธารณะ มันก็เหมือนลูกเราออกไปเจอโลกภายนอก ลูกมึงสันดานเป็นยังไง สังคมเค้าก็จะตัดสิน แต่ถ้าลูกมึงเหี้ยแล้วคนเขาด่า มึงต้องยอมรับว่าลูกมึงเหี้ย และมึงก็เป็นผู้ปกครองที่เหี้ยด้วยค่ะ “The apple doesn’t fall far from the tree.”

เปิดสมองและจำเอาไว้นะ “ความใจกว้าง” คือคุณสมบัติใหญ่ของผู้กำกับและคนทำงานด้านสร้างสรรค์ ลองนึกดูนะ เราจะอยู่กันยังไงถ้าไม่มีคนดู? จะเอาเงินที่ไหนแดก ถ้าคนเลิกดูหนังแล้วไปเสพอย่างอื่น? ถ้าไม่มีคนด่า ไม่มีเสียงวิจารณ์ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเราโง่ตรงไหน เหี้ยตรงไหน ผิดพลาดตรงไหน?

นี่ 2025 แล้ว มนุษย์แม่งสู้เรื่องเสรีภาพการพูดกันมาเป็นร้อยๆ ปี การวิจารณ์ควรจะเป็นเรื่องโคตรปกติ ไม่มีกำแพงบ้าๆ บอๆ อะไรทั้งนั้น มึงจะไปห้ามคนพิมพ์คีย์ด่าได้หรอ? เพราะถ้าผลงานมึงห่วย เขาก็ด่า มึงคิดว่ามึงเป็นใครที่จะไปบอกว่าใครห้ามด่า? คนดูเสียเงินเพื่อดูหนังเรา เขามีสิทธิ์ที่จะด่า (นี่กูมาพูดทำไมวะเนี่ยทั้งทั้งที่เป็นเรื่องที่โคตรจะเบสิค)

มึงลองเช็คสภาพจิตใจตัวเองนะ ทำไมใจแคบขนาดนี้? อ่อนไหวเหี้ยอะไรนักหนา? ถ้ากลัวคนด่ามาก กลัวคำวิจารณ์จนจิตใจบอบบางอ่อนแอกับผลงานที่แชร์ออกมาให้สาธารณะเห็น งั้นก็อย่าปล่อย ไปทำงานอย่างอื่น ไปทำงานคนเดียว ไม่ต้องรับคำวิจารณ์จากใคร ปลูกผักบุ้งแดกค่ะ แต่เพราะเมื่อมึงเลือกจะแชร์ หมายความว่ามึงต้องเตรียมใจไว้แล้วว่าจะโดนด่าแบบที่มึงไม่ทันคิดแน่นอน

และการที่มึงเลือกไปฟ้องร้องเขา มันจะยิ่งทำให้คนดูไม่กล้าดูหนังไทยต่อไปอีก กลัวโดนฟ้อง แค่แตะนิดแตะหน่อยก็เดือดร้อน อีเหี้ย! อาชีพกูพินาศเพราะมึง

ข่าว “ผู้กำกับฟ้องเพจวิจารณ์” ขอยกให้เป็นเรื่องน่าสมเพช เวทนา และอนาถที่สุดในปีนี้ค่ะ
ปรบมือสิคะ รออะไร?
#AamAnusorn

Aam Anusorn Soisa-ngim

Aam Anusorn is an independent filmmaker and storyteller with a decade of experience in the industry. As the founder and CEO of Commetive By Aam, he has directed and produced several acclaimed films and series, including the popular "Till The World Ends" and "#2moons2." Known for his creative vision and determination, Aam prefers crafting original stories that push the boundaries of traditional genres, particularly in the BL and LGBTQ+ spaces. Despite the challenges and pressures of working in a competitive field, Aam’s passion for storytelling drives him to explore new ideas and bring unique narratives to life. His work has garnered recognition and support from prestigious platforms, including the Tokyo Gap Financial Market. Aam continues to inspire audiences with his innovative approach to filmmaking, always staying true to his belief in the power of original, heartfelt stories.

https://Commetivebyaam.com
Previous
Previous

ดูซีนล้างแค้นที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์หนังฮอลีวูด… The Help

Next
Next

Apple Event 2025 เปิดตัว iPhone 17, iPhone Air สุดบางเฉียบ พร้อม AirPods Pro 3, Apple Watch 11 และ iOS 26