“Bitch” คำด่าหรือคำเท่? ไขที่มาคำแรงที่โลกเลิกกลัวไม่ลง
แกเคยฟังเพลงแล้วเจอคำว่า Bitch โผล่มาแบบหน้าตาเฉยมั้ย? บางทีก็เป็นคำด่าเจ็บแสบ แต่บางทีก็กลายเป็นคำยกย่องเฉยเลย อย่าง It’s Britney, Bitch! ที่ทำเอาโลกทั้งโลกจำติดหู หรือเพลง Work Bitch ที่ทุกคนร้องกันเหมือนเป็นประโยคปลุกใจมากกว่าคำด่าอีก สรุปแล้วคำนี้มันด่าหรือมันคูลกันแน่วะ? วันนี้เราจะพาแกไปแกะรอยที่มาของคำนี้แบบเข้าใจง่ายๆ
1. คำว่า “Bitch” มาจากไหน?
ดั้งเดิม “bitch” คือคำที่ใช้เรียก “หมาตัวเมีย” ในภาษาอังกฤษเก่า ก่อนจะถูกบิดไปเป็นคำดูถูกผู้หญิงว่าอารมณ์ร้าย เอาแต่ใจ หรือไม่ยอมตามกรอบของสังคม คำนี้จึงแบกน้ำหนักด้านลบมาตั้งแต่ต้น แต่โลกไม่ได้หยุดแค่นั้น—โดยเฉพาะในป๊อปคัลเจอร์
2. จากคำหยาบสู่สัญลักษณ์ความแกร่ง
พอเข้าสู่ยุคเพลงฮิปฮอปและป๊อป คำว่า “bitch” ถูกดึงกลับมาใช้ในเชิงยกย่อง “bad bitch” กลายเป็นหญิงที่มั่นใจในตัวเอง ไม่ยอมถูกใครควบคุม ถ้าแกเคยฟัง Cardi B, Nicki Minaj หรือแม้แต่ Beyoncé จะเห็นว่าพวกเขาใช้คำนี้เป็นสัญลักษณ์ของพลัง ไม่ใช่แค่คำดูถูกอีกต่อไป
3. ทำไมผู้ใหญ่ถึงชอบการเล่าเรื่องที่มีคำแบบนี้?
เพราะมันสะท้อน “ความสมจริง” ของชีวิต ไม่มีโลกไหนที่มีแต่คำพูดสวยๆ อย่างเดียว ความซับซ้อนทางศีลธรรมทำให้เรื่องเล่ามีมิติ คนดูผู้ใหญ่ชอบที่ตัวละครไม่ถูกวาดให้เป็นนางฟ้าหรือปีศาจสุดโต่ง แต่มีความขัดแย้งเหมือนเราๆ เนี่ยแหละ คำอย่าง bitch เลยทำให้เรื่องราวดูจริงขึ้น
4. ส่วนตัวเรา…
เวลาได้ยินคำนี้ในเพลงอย่าง Work Bitch เราไม่ได้รู้สึกถูกด่าเลยนะ แต่มันเหมือนมีคนมาตบไหล่แล้วพูดว่า “ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องลุยสิวะ!” มันกลายเป็นพลังใจด้วยซ้ำ
ถ้าแกอยากสัมผัส vibe เต็มๆ ลองไปเปิดเพลง Work Bitch ของ Britney Spears บนแพลตฟอร์มนี้เลย บอกเลยว่าอินกว่าการอ่านแน่นอน หรือจะดูคอนเสิร์ตเต็มๆ ก็ยิ่งเห็นชัดว่าคำนี้มันถูกใช้เป็นพลังบวกมากกว่าแรงลบ
แนะนำ
เล่มนี้เหมาะกับคนที่อยากเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่พื้นฐานจริง ๆ เพราะอธิบายครบทั้งการพูด อ่าน และเขียน ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย มีตัวอย่างให้ฝึกตาม เหมาะทั้งนักเรียน คนทำงาน หรือใครก็ตามที่อยากปูพื้นภาษาอังกฤษใหม่แบบเป็นระบบจากศูนย์ไปสู่การใช้จริงในชีวิตประจำวัน.