ถ้าย้อนกลับไปปี 2014 เพลงที่ไม่มีใครไม่พูดถึงคงหนีไม่พ้น Bang Bang ผลงานร่วมของ Jessie J, Ariana Grande และ Nicki Minaj นี่คือการรวมพลังของสามตัวแม่ที่ต่างคนต่างมีเสน่ห์เฉพาะตัว และเมื่อมาชนกัน เพลงก็ระเบิดพลังกลายเป็นซิงเกิลที่ทั้งโลกต้องหันมามอง

ที่มาและเบื้องหลัง

เพลงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยทีมโปรดิวเซอร์มือทอง Max Martin, Savan Kotecha และ Ilya คนที่อยู่เบื้องหลังเพลงป๊อปฮิตนับไม่ถ้วน เพลงเดิมที Jessie J ได้ยินเดโมและไม่อยากปล่อยให้หลุดมือ จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นโปรเจกต์ร่วมกับ Ariana และ Nicki Minaj เพิ่มชั้นเชิงทั้งพลังเสียงป๊อป โวคัล R&B และการแรปไฟลุก

ความสำเร็จที่จับต้องได้

  • เปิดตัวที่อันดับ 1 บน UK Singles Chart

  • ติด Top 10 Billboard Hot 100 นานถึง 16 สัปดาห์

  • ขายได้เกิน 10 ล้านหน่วยในสหรัฐฯ และได้รับการรับรอง Diamond จาก RIAA

  • กลายเป็นหนึ่งในเพลงที่ขับเคลื่อนทั้งสามศิลปินให้กลายเป็น household name บนเวทีโลก

เสียงตอบรับจากผู้ฟัง

แฟนเพลงส่วนใหญ่บอกตรงกันว่า Bang Bang คือ “เพลงที่เปิดแล้วรู้เลยว่าปาร์ตี้เริ่มแล้ว” พลังเสียงของ Jessie J และ Ariana ที่แข่งกันโชว์โน้ตสูง ประกอบกับการโผล่มาอย่างโหดของ Nicki Minaj ทำให้มันกลายเป็นเพลงที่ทั้งมันส์ ทั้งเฟมินีน ทั้งมั่นใจ หลายคนยกให้เป็น “เพลงผู้หญิงรวมพลัง” ที่ทำให้รู้สึก empowered เวลาได้ฟัง

นักวิจารณ์ว่าอย่างไร

นักวิจารณ์สื่อใหญ่หลายเจ้า เช่น Rolling Stone และ Billboard ชื่นชมในแง่ความบันเทิงและการคุมพลัง แต่ก็มีเสียงบอกว่ามันคือ “สูตรสำเร็จป๊อป” ที่ไม่ได้แปลกใหม่มาก—เหมือนทีม Max Martin รู้สูตรชัดว่าจะทำยังไงให้เพลงติดชาร์ตแน่นอน บางรีวิวบอกว่ามีความ “โอเวอร์เดอะท็อป” ไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นเกือบทุกสำนักก็ยอมรับตรงกันว่า Bang Bang เป็นเพลงที่เสิร์ฟความเร้าใจได้เต็ม 100 และไม่แปลกใจที่มันถูกเปิดซ้ำๆ ทั่วโลกในปีนั้น

Bang Bang อาจไม่ใช่เพลงที่เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ดนตรี แต่คือเพลงที่รวบทุกองค์ประกอบของความปังในยุค 2010s — เสียงนักร้องตัวแม่, โปรดิวเซอร์ระดับโลก, และพลังดนตรีที่ถูกออกแบบมาให้ “เข้าหูคนหมู่มาก” มันคือความสำเร็จของการตลาดและดนตรีที่จับมือกันแบบลงล็อก และผลลัพธ์ก็คือเพลงที่ยังติดอยู่ในหัวใครหลายคนแม้จะผ่านมาเกือบสิบปี

Aam Anusorn Soisa-ngim

Aam Anusorn is an independent filmmaker and storyteller with a decade of experience in the industry. As the founder and CEO of Commetive By Aam, he has directed and produced several acclaimed films and series, including the popular "Till The World Ends" and "#2moons2." Known for his creative vision and determination, Aam prefers crafting original stories that push the boundaries of traditional genres, particularly in the BL and LGBTQ+ spaces. Despite the challenges and pressures of working in a competitive field, Aam’s passion for storytelling drives him to explore new ideas and bring unique narratives to life. His work has garnered recognition and support from prestigious platforms, including the Tokyo Gap Financial Market. Aam continues to inspire audiences with his innovative approach to filmmaking, always staying true to his belief in the power of original, heartfelt stories.

https://Commetivebyaam.com
Previous
Previous

Showgirl ที่หมดไฟ? The Guardian บอก Taylor Swift เหมือนซูเปอร์สตาร์ที่เหนื่อยล้า

Next
Next

👁️ The Eye (2002) คนเห็นผี หนังสยองขวัญเอเชียที่ขึ้นหิ้งตลอดกาล