Everytime ของ Britney Spears: เมื่อบทเพลงรัก กลายเป็นจดหมายถึงลูกที่ไม่มีวันเกิด

ในโลกของเพลงป๊อป มีไม่กี่เพลงที่สามารถดึงหัวใจผู้ฟังให้จมดิ่งได้ตั้งแต่โน้ตแรก และหนึ่งในนั้นคือ Everytime ของ Britney Spears

เดิมทีเพลงนี้ถูกเข้าใจว่าเป็น “คำขอโทษ” ถึงอดีตคนรัก Justin Timberlake แต่หลังจากที่ Britney เปิดเผยเรื่องราวในหนังสืออัตชีวประวัติ The Woman in Me ปี 2023 ความหมายของเพลงนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

จากเรื่องราวของคู่รัก กลายเป็นการไว้อาลัยและพูดคุยกับลูกที่เธอไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดู

จากเพลงอกหัก…สู่จดหมายแห่งการสูญเสีย

Everytime ถูกปล่อยในปี 2004 เป็นบัลลาดเปียโนที่ทั้งเศร้าและอบอุ่น มีเนื้อร้องที่เรียบง่ายแต่กินใจ เช่น

Everytime I try to fly, I fall / Without my wings, I feel so small

หลายปีที่ผ่านมา แฟน ๆ มักเชื่อว่าเนื้อเพลงเหล่านี้คือการบอกเล่าความรู้สึกหลังเลิกกับ Justin Timberlake โดยเฉพาะเมื่อมิวสิกวิดีโอมีภาพ Britney เหมือนพยายามหนีความวุ่นวายจากสื่อ ก่อนจะจมหายไปใต้น้ำราวกับเป็นการจากลาโลกใบนี้

แต่ในหนังสือ The Woman in Me Britney ได้เล่าเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่หลังเพลงนี้—ตอนเธออายุราว 19–20 เธอตั้งครรภ์กับ Justin และสุดท้ายต้องทำแท้ง แม้ลึก ๆ จะไม่อยากทำ แต่เพราะอีกฝ่ายไม่พร้อมและชีวิตในตอนนั้นก็วุ่นวายเกินกว่าจะรับผิดชอบ เธอจึงยอมตัดสินใจ ทั้งที่หัวใจเต็มไปด้วยความรักและความผูกพันต่อชีวิตเล็ก ๆ ในท้อง

คำร้องที่กลายเป็นบทสนทนาระหว่างแม่กับลูก

เมื่อมองในมุมนี้ ประโยคอย่าง “I may have made it rain, please forgive me” หรือ “Come back to me” ไม่ได้ฟังเหมือนการขอโทษคนรักอีกต่อไป แต่กลายเป็นเสียงของแม่ที่กำลังพูดกับลูก—ขอโทษที่ไม่อาจปกป้อง และหวังให้ได้พบกันอีกครั้งในโลกที่ดีกว่านี้

ท่อน “Every night I pray” ก็เหมือนการสารภาพว่าความคิดถึงและความรู้สึกผิดไม่เคยจางหาย ทุกครั้งที่พยายามก้าวต่อ ก็เหมือนตกลงมาอีกครั้ง เพราะ “ปีก” ของเธอได้หายไปแล้วพร้อมกับการสูญเสียครั้งนั้น

มิวสิกวิดีโอ: ภาพแทนความตายและการเกิดใหม่

แม้ Britney จะไม่เคยออกมาพูดว่ามิวสิกวิดีโอถูกออกแบบให้สื่อถึงการทำแท้ง แต่หลายภาพกลับชวนให้ตีความได้ลึกกว่าที่เคยคิด

ฉากเธอจมลงใต้น้ำ อาจเป็นสัญลักษณ์ของการปล่อยวางและจากลา และภาพเธอในตอนท้ายที่ “ตื่นขึ้น” ในโลกใหม่ อาจหมายถึงความหวังว่าจะได้พบกันอีกครั้ง—ไม่ว่าจะในชาติใดหรือจักรวาลไหนก็ตาม

เหตุผลที่เพลงนี้ยังคงเจ็บปวดและงดงาม

สิ่งที่ทำให้ Everytime ทรงพลัง ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นบัลลาดที่ไพเราะ แต่เพราะมันถูกแต่งจากความจริงที่เจ็บปวดที่สุดของชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง

มันไม่ใช่เพียงเพลงอกหัก แต่คือบันทึกทางอารมณ์ของแม่ที่สูญเสียลูกไปก่อนที่จะได้โอบกอดครั้งแรก

ความจริงที่เราได้รู้หลังจาก The Woman in Me ออกมา ทำให้การฟัง Everytime ในวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป—และอาจทำให้ใครหลายคนเสียน้ำตาได้ตั้งแต่โน้ตแรก

Everytime คือหลักฐานว่าดนตรีสามารถเก็บความทรงจำ ความเสียใจ และความรักที่ไม่มีวันจางหายเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

และสำหรับ Britney เพลงนี้อาจเป็นทั้งการเยียวยา และการพูดคุยกับลูกที่เธอไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูครั้งแล้วครั้งเล่า

ทุกครั้งที่เรากดเล่นเพลงนี้ จึงเหมือนเราได้เป็นพยานให้กับความรักที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโลกนี้…แต่คงอยู่ตลอดไปในหัวใจของเธอ

Aam Anusorn Soisa-ngim

Aam Anusorn is an independent filmmaker and storyteller with a decade of experience in the industry. As the founder and CEO of Commetive By Aam, he has directed and produced several acclaimed films and series, including the popular "Till The World Ends" and "#2moons2." Known for his creative vision and determination, Aam prefers crafting original stories that push the boundaries of traditional genres, particularly in the BL and LGBTQ+ spaces. Despite the challenges and pressures of working in a competitive field, Aam’s passion for storytelling drives him to explore new ideas and bring unique narratives to life. His work has garnered recognition and support from prestigious platforms, including the Tokyo Gap Financial Market. Aam continues to inspire audiences with his innovative approach to filmmaking, always staying true to his belief in the power of original, heartfelt stories.

https://Commetivebyaam.com
Previous
Previous

จากคนดูหลักร้อย สู่รายได้หลักหมื่นต่อเดือน ด้วยวิธีที่ทุกคนทำได้

Next
Next

Method Acting: เมื่อการแสดงไม่ใช่การ "แกล้งทำ" แต่คือการ "เป็นตัวละคร“ ที่สมบูรณ์แบบ